คู่มือการดูแล
แรงดันลมยาง
สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของยาง ประกอบด้วยตัวเลขดัชนี้การรับน้ำหนัก (Load Index, LI) และสัญลักษณ์ความเร็ว (Speed Symbol, SS) LI หมายถึง น้ำหนักสูงสุดที่ยางสามารถรองรับได้ SS หมายถึง ความเร็วสูงสุดที่ยางสามารถเกาะถนนได้
ความสำคัญของความดันยาง
-
รักษาระดับลมยางให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงอายุของยาง และต้นทุนด้านเชื้อเพลิง
-
โดยทั่วไปลมยางอ่อนลงเฉลี่ย 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI: ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ทุกเดือน ดังนั้น จึงต้องตรวจสอบยางทุกเส้นอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงยางสำรองอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือก่อนเดินทางไกล
-
ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้งและก่อนเดินทางระยะไกล
ความดันของยางและอายุของยาง
ช่วงเวลาที่แนะนำ
-
ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้งและก่อนเดินทางระยะไกล
สถานะแรงดันลมยาง
-
แรงดันลมยางต่ำ : แรงดันลมยางต่ำจะทำให้ส่วนสัมผัสเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดแรงกดมากเกินที่บริเวณขอบหน้ายางด้านใดด้านหนึ่ง การฉีกขาดที่ด้านนอกอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อยางในแต่ละส่วนได้ และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้แก้มยางบวมมากขึ้น ซึ่งเป็นอันตราย เมื่อเทียบกับยางที่มีแรงดันลมยางเหมาะสม
-
แรงดันอากาศสูง : เนื่องจากยางที่มีลักษณะพองตัวคล้ายลูกโป่ง อากศจะอยู่ตรงศูนย์กลาง แรงกดที่ส่งผลต่อพื้นผิวไม่เท่ากันจะเป็นสาเหตุของการสึกหรอของดอกยางที่ไม่สม่ำเสมอ
การตรวจสอบแรงดันลมยางที่เหมาะสม
-
Hankook ขอแนะนำให้คุณตรวจสอบความดันของยางของคุณเดือนละครั้ง.
ระดับแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับยางของคุณสามารถดูได้ที่ประตูรถยนต์ด้านใน หรือในคู่มือรถยนต์ (ตำแหน่งของสติกเกอร์สามารถแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ).
หมายเลขที่แก้มยาง หมายถึงแรงดันลมยางสูงสุด ดังนั้น ห้ามเติมลมเกินหมายเลขดังกล่าว.
ประตูด้านข้างผู้ขับขี่
วิธีการตรวจสอบแรงดันลมยาง
-
ขั้นตอนที่ 1
ซื้ออปุกรณ์วัดแรงดันลมยางที่ได้รับการรับรองหรือนำรถไปยังศูนย์บริการ (หรือสถานีบริการน้ำมัน) ใกล้เคียงเพื่อรับการตรวจสอบ
-
ขั้นตอนที่ 2
ต้องตรวจสอบยางในสถานะ “เย็น” (อย่างน้อยสามชั่วโมงหลังจากการขับขี่)
-
ขั้นตอนที่ 3
ติดตั้งอปุกรณืวัดลมในวาล์ว
-
ขั้นตอนที่ 4
เปรียบเทียบระดับแรงดันลมยางที่วัดได้กับระดับที่แสดงอยู่บนประตูรถ